4 พืชเศรษฐกิจสร้างรายได้งาม เกษตรกรไม่ควรพลาด!
- Thai Tissue Admin
- 3 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
โอกาสทองของเกษตรกรไทยกับการเลือกพืชเศรษฐกิจที่ใช่
ประเทศไทยมีรากฐานที่แข็งแกร่งในภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันสูง มีความหลากหลาย และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างมากในการส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาพืชผลทางการเกษตรแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างเต็มศักยภาพ
การเลือกพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงอย่างมีกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เกษตรกรที่เปิดใจรับและมีความรู้ความเข้าใจในพืชเศรษฐกิจใหม่ๆ จะสามารถคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดโลกได้ บล็อกโพสต์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคตสดใส 5 ชนิด รวมถึงสายพันธุ์นวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาจากการวิจัย ซึ่งเกษตรกรไทยควรพิจารณาอย่างจริงจังเพื่อเพิ่มพูนรายได้และสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม
มันสำปะหลังพันธุ์ทนโรค เกราะป้องกันความเสี่ยง สร้างผลผลิตมั่นคง
มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย โดยมีครัวเรือนเกษตรกรกว่า 580,000 ครัวเรือนเพาะปลูก และในปี 2564 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับเศรษฐกิจในชนบท อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่คุกคามอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยคือ โรคใบด่างมันสำปะหลัง (Cassava Mosaic Disease: CMD) ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายต่อผลผลิตได้มากถึง 80% และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรจำนวนมาก
เพื่อแก้ไขความท้าทายนี้ สถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย (Thai Tapioca Development Institute: TTDI) ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและประเมินสายพันธุ์มันสำปะหลังที่ทนทานต่อโรคใบด่าง ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ที่มีศักยภาพอย่าง ITTI 1, ITTI 2 และ ITTI 3 สายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง โดยไม่เพียงแต่มีความต้านทานต่อโรคใบด่างเท่านั้น แต่ยังให้ผลผลิตสูงและมีปริมาณแป้งมาก ทำให้เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ถึงผลผลิตที่มั่นคงและรายได้ที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

เจาะลึกคุณสมบัติเด่นและความนิยมของมันสำปะหลังพันธุ์ทนโรค ITTI 1, 2 และ 3
มันสำปะหลังพันธุ์ ITTI 1, ITTI 2 และ ITTI 3 ที่ได้รับการพัฒนาและประเมินโดยสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย (TTDI) ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง (CMD) ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อผลผลิต นอกจากความสามารถในการต้านทานโรคที่สำคัญนี้แล้ว สายพันธุ์เหล่านี้ยังได้รับการยอมรับในศักยภาพในการให้ผลผลิตสูงและมีปริมาณแป้งในหัวมันสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อรายได้ของเกษตรกรและคุณภาพของผลิตภัณฑ์แปรรูป บริษัท อิงรีเดียน ประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมมือกับ TTDI และหน่วยงานภาครัฐในภาคเกษตรกรรมอย่างแข็งขันในการนำสายพันธุ์ที่มีอนาคตเหล่านี้ไปเผยแพร่สู่เกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังที่สำคัญ
เกษตรกรในอำเภอสีคิ้วและอำเภอกาฬสินธุ์ได้รับต้นกล้าพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างคุณภาพสูงกว่า 133,400 ต้น และกำลังให้การตอบรับสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้เป็นอย่างดี เนื่องจากสังเกตเห็นถึงความทนทานต่อโรคที่ดีขึ้นและศักยภาพในการสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น นอกจากนี้ งานวิจัยของ Malik และคณะ (2022) ยังได้เน้นย้ำถึงความต้านทานที่โดดเด่นของมันสำปะหลังพันธุ์ KU50 และ HB60 ต่อโรคใบด่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับเกษตรกรในการเลือกใช้สายพันธุ์ที่ทนทาน ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาความทนทานของมันสำปะหลังยังรวมถึงงานบุกเบิกของ ศาสตราจารย์ ดร. เจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์ และ นายบุญมี วัฒนเรืองรอง จากสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังพันธุ์แรกของประเทศไทยที่ต้านทานต่อโรคใบจุด ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญนี้

กล้วยหอมทองจากห้องปฏิบัติการ มาตรฐานใหม่แห่งคุณภาพ ตอบโจทย์ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
วิธีการขยายพันธุ์กล้วยแบบดั้งเดิมโดยใช้หน่อ มักมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช อีกทั้งยังอาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพไม่สม่ำเสมอ เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือที่เรียกว่า ไมโครโพรพาเกชัน (micropropagation) ได้เข้ามาเป็นทางเลือกที่ปฏิวัติวงการ โดยสามารถผลิตต้นกล้ากล้วยหอมทองที่ปลอดโรคและมีความสม่ำเสมอทางพันธุกรรมได้ในปริมาณมาก ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ควบคุมในห้องปฏิบัติการ กล้วยหอมทอง (ซึ่งน่าจะหมายถึงกล้วย
หรือ Gros Michel ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ) ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมีการเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอ ให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่า และมักให้ผลผลิตที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับกล้วยที่ปลูกด้วยวิธีดั้งเดิม คุณภาพที่เป็นมาตรฐานและปลอดโรคนี้ทำให้กล้วยหอมทองที่ได้จากห้องปฏิบัติการเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในตลาดภายในประเทศ ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตผลที่มีคุณภาพสูงขึ้น และในตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งชื่นชอบรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของกล้วยไทย

ทำไมกล้วยหอมทองเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
การเลือกปลูกกล้วยหอมทองที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนั้นมีข้อดีมากมายสำหรับเกษตรกรไทย เริ่มตั้งแต่การได้รับต้นกล้าที่ปลอดโรค ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตและลดความจำเป็นในการจัดการศัตรูพืชและโรคอย่างเข้มงวด ความสม่ำเสมอทางพันธุกรรมของต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อส่งผลให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้คาดการณ์ผลผลิตได้แม่นยำยิ่งขึ้นและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างพร้อมเพรียง ซึ่งช่วยให้การจัดการด้านต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและอาจได้รับราคาตลาดที่ดีกว่า
งานวิจัยหลายชิ้นบ่งชี้ว่าต้นกล้วยที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมักจะโตเร็วกว่าและให้ผลผลิตเร็วกว่ากล้วยที่ปลูกจากหน่อแบบดั้งเดิม ทำให้เกษตรกรอาจสามารถเพิ่มรอบการปลูกได้ในระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมักส่งผลให้ได้ผลผลิตโดยรวมที่สูงขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกร ความสามารถในการคัดเลือกและขยายพันธุ์กล้วยสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดผ่านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ช่วยให้เกษตรกรสามารถพัฒนาพืชผลของตนเองได้อย่างต่อเนื่องและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป นักวิจัยชาวไทย เช่น รองศาสตราจารย์ ดร.ไพบูลย์ กวินเลิศวัฒนา ได้มีส่วนร่วมในการขยายการผลิตกล้วยด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในประเทศไทย ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

พืชเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ทุเรียน ราชาผลไม้ไทย โอกาสทองในตลาดส่งออก
ทุเรียน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น "ราชาแห่งผลไม้" ในประเทศไทย เป็นพืชผลที่มีราคาสูงทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้งามอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีช่องทางในการส่งออก ในปี 2567 ทุเรียนครองตำแหน่งสินค้าเกษตรส่งออกอันดับหนึ่งของไทย สร้างรายได้กว่า 3.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีประเทศจีนเป็นตลาดหลักในการบริโภคถึง 97.4% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการอันมหาศาลในตลาดนี้ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และคุณภาพสูงของทุเรียนไทยเป็นที่ต้องการอย่างมากจากผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้มีความต้องการที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรที่สามารถผลิตทุเรียนได้ตามมาตรฐานเป็นที่ต้องการของตลาดได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรควรตระหนักถึงการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากประเทศผู้ผลิตทุเรียนอื่นๆ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพที่เหนือกว่าและการสำรวจตลาดส่งออกใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นายพูนพงษ์ นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของทุเรียนในการสร้างความสำเร็จให้กับการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญทางเศรษฐกิจของพืชชนิดนี้

ผักและผลไม้เมืองหนาว ทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรในพื้นที่สูง สร้างรายได้ตลอดปี
สำหรับเกษตรกรในพื้นที่สูงของประเทศไทยที่มีสภาพอากาศเย็นกว่า การปลูกผักและผลไม้เมืองหนาวถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างรายได้สูง และหลายชนิดยังสามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและเทคนิคการปลูกที่ใช้ พืชพิเศษ เช่น องุ่น สตรอว์เบอร์รี ดอกไม้เมืองหนาว และผักเมืองหนาวต่างๆ สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อีกด้วย ความตระหนักด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ควบคู่ไปกับความต้องการของภาคการท่องเที่ยว กำลังผลักดันให้เกิดความต้องการผักและผลไม้คุณภาพสูงที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงผักและผลไม้ที่โดยทั่วไปปลูกในสภาพอากาศเย็น
ตัวอย่างจากประเทศออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่าผลไม้ เช่น ส้มเขียวหวาน ส้ม องุ่น เชอร์รี แอปเปิล ลูกแพร์ และสตรอว์เบอร์รี สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่เหมาะสมของประเทศไทย เช่นเดียวกับผัก เช่น หอมใหญ่ แครอท เซเลอรี ผักใบเขียว และบรอกโคลี ซึ่งเป็นทางเลือกที่หลากหลายสำหรับเกษตรกร นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้การสนับสนุนการเพาะปลูกผักผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับเกษตรกรที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและหันมาปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงเหล่านี้

แหล่งอ้างอิง
Agriculture in Thailand - Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ เมษายน 4, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Agriculture_in_Thailand
Supporting sustainable farming practices: Ingredion becomes the ..., เข้าถึงเมื่อ เมษายน 4, 2025 https://www.ingredion.com/apac/en-sg/news-events/news/ingredion-first-company-thailand-cmd-resistant-varieties-cassava-local-farmers.html
Advancing Sustainable Agriculture: Ingredion Introduces CMD ..., เข้าถึงเมื่อ เมษายน 4, 2025 https://sustainablecassava.org/national-centre/news/Thailand-News-24-05-1/
Sustainable Cassava Farming - SMS Corporation, เข้าถึงเมื่อ เมษายน 4, 2025 https://www.smscor.com/storage/content/food/explore-publications/cmd-free-future.pdf
Thailand Cassava Market Size, Share, Analysis and Industry Trends by 2035, เข้าถึงเมื่อ เมษายน 4, 2025
Comments